เมื่ออายุ ๒๑ ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดสระเกศ โดยมี พระครูทีปาจารคุณารักษ์ (มี อินฺทสุวณฺโณ) เจ้าคณะอำเภอเกาะสมุย และ เจ้าอาวาสวัดสำเร็จ เป็นพระอุปัชฌาย์

     เมื่ออุปสมบทแล้ว ในพรรษาแรก จำพรรษา กับ อาจารย์พระมหาพิมล ที่วัดสระเกศ ในพรรษาที่ ๒ ได้ไปจำพรรษาที่ สำนักสงฆ์แหลมสอ เพื่อศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐาน กับ พระอาจารย์แดง ติสฺโส ๑ พรรษา และได้ลาสิกขาบทมาประกอบอาชีพทำสวน จนกระทั่งครบอายุ ๖๐ ปี จึงตัดสินใจอุปสมบทอีกครั้ง

     อุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๔ (อายุ ๖๐ ปี) ณ พัทธสีมา วัดนาราเจริญสุข โดยมี พระครูอรุณกิจโกศล (จำรัส เขมธมฺโม) เจ้าคณะตำบลอ่างทอง เจ้าอาวาสวัดแจ้ง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูปัญญาวรเวช (มานพ โชติปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดสมุทราราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูปภัสร์มนุญธรรม (มนูญ มนุญโญ) เจ้าอาวาสวัดนาราเจริญสุข เป็นพระอนุสาวนาจารย์

     เมื่ออุปสมบทแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดสระเกศ ต่อมาสำนักสงฆ์ดอนธูป ว่างสมภารชาวบ้านจึงนิมนต์ท่านไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์ดอนธูปได้ร่วมพัฒนาวัดอยู่ระยะหนึ่ง ต่อมาได้มาจำพรรษาที่สำนักสงฆ์แหลมสอ กับ พระครูถิรบุญญากร (สถิตย์) ๑ พรรษา ต่อมาท่านเห็นว่าที่บนเขาป้อม เป็นที่สงบเหมาะกับการทำวิปัสสนากัมมัฏฐาน จึงได้มาจำพรรษาที่บนเขาป้อม ที่ธรณีสงฆ์ วัดสระเกศ ในปี พ.ศ.๒๕๔๓ เป็นต้นมาจึงพัฒนาจนสำนักสงฆ์เจริญรุ่งเรือง

     ปฏิบัติวัตร ท่านเป็นพระนักพัฒนา ตั้งแต่ครั้งจำพรรษา วัดสระเกศ สำนักสงฆ์ดอนธูป และ สำนักสงฆ์เขาป้อม และท่านเป็นพระสันโดษ จะใช้เวลาว่างกับการทำวิปัสสนากัมมัฏฐาน และเป็นพระที่มีความเมตตาเป็นกันเองกับชาวบ้านปฏิบัติกิจของสงฆ์ไม่ได้ขาด