พระมงคลญาณเถร วิ. (มา ญาณวโร) | พระสังฆาธิการ

พระมงคลญาณเถร วิ. (มา ญาณวโร)


 
เกิด ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๖
อายุ ๙๗ ปี
อุปสมบท ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖
พรรษา ๗๗
มรณภาพ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒
วัด วัดสันติวิเวก
ท้องที่ ร้อยเอ็ด
สังกัด มหานิกาย


VIEW : 1,471

เพิ่ม/แก้ไขข้อมูล

สถานะเดิม


     พระมงคลญาณเถร วิ. มีนามเดิมว่า มา วรรณภักดี เกิดเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ ตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีขาล ณ บ้านโนนคำ ตำบลเมืองไพร อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด โยมบิดาชื่อ นายคูณ วรรณภักดี โยมมารดาชื่อ นางตั้ว วรรณภักดี ครอบครัวประกอบอาชีพทำนาทำไร่ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๕ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๔


บรรพชา

     สาเหตุ ที่ทำให้ต้องบวช หลวงปู่ท่านเล่าให้ฟังว่า เมื่อวัยเยาว์ พอท่านอายุย่างเข้า ๘ ขวบ โยมมารดาของท่านก็มาเสียชีวิต ตามประเพณีแล้วเมื่อบิดามารดา ญาติพี่น้อง หรือผู้มีพระคุณเสียชีวิต จะต้องมีการบวชหน้าศพ โดยลูกหรือหลานๆ ของผู้ที่เสียชีวิต แล้วนำศพไปเผา

     เช่น เดียวกันในงานศพของโยมมารดาของท่านนั้น พวกญาติๆ จึงเลือกให้หลวงปู่บวชหน้าศพ หลวงปู่บอกว่า ท่านยังจำคำพูดของโยมมารดาท่านได้ เมื่อโยมมารดากำลังป่วยอยู่ได้พูดกับท่านว่า “เมื่อแม่ตายแล้ว ให้บักน้อยบวชให้แม่เด้อ” ยังจำได้จนบัดนี้ ครั้นต่อมาเมื่อนางตั้ว วรรณภักดี โยมมารดาเสียชีวิตแล้ว

     ท่านก็ได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ ณ วัดดอนประดิษฐาราม บ้านดอนน้อย ตำบลเมืองไพร อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี พระอธิการสอน อุตฺตโม เป็นพระอุปัชฌาย์ 

     พอตอนบ่ายพวกญาติๆ และชาวบ้าน ก็ได้นำศพโยมมารดาไปสู่ป่าช้าดอนหมากเหลื่อม ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือหมู่บ้าน ห่างประมาณกิโลเศษ หลวงปู่ก็ได้เดินนำหน้าศพโยมมารดา ตั้งแต่บ้านถึงป่าช้า เมื่อทำพิธีเผาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็กลับบ้าน ตอนเย็นโยมบิดา พี่ชาย และพี่สาว ก็ออกมาหาที่วัด ถามว่า “จะสึกไหม” ท่านก็บอกว่า “ยังไม่สึก เพราะก่อนตายแม่สั่งไว้ว่าให้น้อยบวชให้แม่ น้อยจะอยู่ไปก่อน” ท่านว่าพอคิดจะสึก ก็ให้นึกถึงคำพูดของโยมมารดา ก็เลยไม่สึกอยู่มาจนทุกวันนี้ 
 


วิทยฐานะและการศึกษาพระปริยัติธรรม

     หลัง จากบรรพชาเป็นสามเณร ได้ประมาณ ๒๐ กว่าวัน ทางราชการก็ได้มีหมายเกณฑ์ให้หลวงปู่ไปเข้าโรงเรียน เพราะอายุย่างเข้า ๘ ปีแล้ว การเรียนสมัยนั้นยังไม่ได้ใช้กระดาษ แต่ใช้กระดานหินแทนกระดาษ และดินสอหิน หลวงปู่ท่านก็เดินข้ามทุ่งไปเรียนหนังสือร่วมกับเด็กๆ ทั้งชายหญิง ทั้งที่ท่านก็เป็นสามเณร ที่โรงเรียนวัดบ้านดอนน้อย ตำบลเมืองไพร อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด บ้านเกิดของท่าน 

     หลวงปู่นั้นท่านเป็นผู้ที่ โชคดีกว่าทุกคนที่ไปเรียนด้วยกัน เพราะตอนที่ท่านอายุได้ ๔ ขวบ โยมบิดาได้นำท่านไปฝากไว้กับหลวงลุงดอน ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดบ้านโนนคำ ให้เรียนหนังสืออยู่ที่นั่น เนื่องจากว่าหลวงลุงดอนท่านนี้ เป็นผู้ที่รู้หนังสือไทยดีคนหนึ่ง คนในสมัยนั้นน้อยคนที่จะรู้หนังสือไทย เมื่อหลวงปู่อยู่กับหลวงลุงดอน หลวงลุงดอน ก็เอาหนังสือแบบเรียนเร็วมาให้หัดเขียน หัดอ่านตั้งแต่ ก ข ค ฆ ง แล้วผสมสระ พยัญชนะ อ่านเป็นเสียงได้ 

     หลวงปู่บอกว่า ท่านอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง มีใจความว่า ตาดีมือแป ตาสาอีแป๊ะ หนังสือนิทานอีสปนกกระสาหมาจิ้งจอก เรียนอยู่ไม่นาน ครูประจำชั้นก็ให้ท่านเป็นหัวหน้า นำนักเรียนในกลุ่มเดียวกันอ่านหนังสือ ตลอดจน นับเลข ตั้งแต่หนึ่งถึงร้อย ถึงพัน ท่านก็เรียนอยู่ ๒ ปี ครูเลยให้ขึ้นไปอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ จนกระทั่งจบการศึกษาขั้นสูงสุดในสมัยนั้นคือ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๖ ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระบามสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ 

     พ.ศ. ๒๔๖๖ ได้ลาออกจากโรงเรียนบ้านดอนน้อย ไปเรียนต่อที่วัดคำครตา ตำบลดงมะไฟ อำเภอยโสธร (ในสมัยนั้น) จังหวัดอุบลราชธานี มีพระสา ซึ่งเป็นญาติๆ กันจะไปจำพรรษาที่นั่น จึงได้ติดตามเป็นลูกศิษย์ไปด้วย ณ วัดคำครตาแห่งนี้ มีพระเถระองค์หนึ่งเคยรับราชการเป็นเจ้านายคนไทย รู้หนังสือไทยดี มาอยู่ที่นี่ได้เรียนสูตรสิบสองตำนาน เรียนสวดไชยน้อย ไชยใหญ่ การเรียนต้องเรียนต่อคำ ไม่ต้องจับหนังสือท่องบ่นเหมือนในสมัยนี้ เรียนเทศน์มหาชาติ อยู่ที่นี้ได้ไม่นานนัก (พ.ศ. ๒๔๖๖-๒๔๖๗)

     พ.ศ. ๒๔๖๘ ก็ได้กลับมาจำพรรษาที่วัดตาล (วัดศรีทองนพคุณ) ตำบลกลาง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด 

     พ.ศ. ๒๔๗๐ พระครูอุตตรานุรักษ์ (อินทร์ อินฺทสาโร) เจ้าคณะแขวงเสลภูมิ (ในสมัยนั้น) ได้มีหนังสือเรียกตัวให้เข้ามาอยู่ที่วัดกลาง (วัดมิ่งเมือง) ตำบลกลาง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด 

     พ.ศ. ๒๔๗๑-พ.ศ. ๒๔๗๓ สอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ณ สำนักเรียนวัดกลาง (วัดมิ่งเมือง) สามารถสอบไล่ได้ ๓ ปีติดต่อกัน 

     หลัง จากที่สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอกแล้ว ตั้งใจว่าจะไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ เพราะอยากเป็นมหากับเขาบ้าง สามเณรรุ่นเดียวกันเขาไปเรียนได้เป็นมหา เป็นเจ้าคุณ เป็นสมภารเจ้าวัด ก็หลายองค์ หลวงปู่ท่านบอกว่า เรามันไม่มีบุญจะได้เป็นมหากับเขา เป็นเพียงพระที่อาศัยอยู่ตามวัดบ้านนอกอย่างที่เห็นอยู่นี่แหละ


อุปสมบท

     อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖ ตรงกับวันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๖ ปีฉลู ณ พัทธสีมาวัดดอนประดิษฐาราม บ้านดอนน้อย ตำบลเมืองไพร อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี พระครูอุตตรานุรักษ์ (อินทร์ อินทสาโร) วัดกลาง (วัดมิ่งเมือง) อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นพระอุปัชฌาย์, พระสมุห์ฉิม ชินวํโส วัดศรีทองนพคุณ (วัดตาล) อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระครูใบฎีกาสะอาด โฆสโก วัดเหนือเสลภูมิ อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ตำแหน่ง

ฝ่ายปกครอง

พ.ศ. ๒๔๘๓  เป็น เจ้าอาวาสวัดสมานสามัคคีธรรม
พ.ศ. ๒๔๘๖  เป็น เจ้าคณะตำบลเมืองไพร
พ.ศ. ๒๔๘๙  เป็น พระอุปัชฌาย์
พ.ศ. ๒๔๙๐ - ๒๕๐๙  เป็น เจ้าอาวาสวัดบ้านนาทม
พ.ศ. ๒๔๙๕  เป็น เจ้าคณะตำบลภูเงิน
พ.ศ. ๒๕๐๐  เป็น รองเจ้าคณะอำเภอเสลภูมิ
พ.ศ. ๒๕๑๐  เป็น เจ้าอาวาสวัดวิเวกอาศรม
พ.ศ. ๒๕๓๑  เป็น เจ้าอาวาสวัดสันติวิเวก
พ.ศ. ๒๕๔๑  เป็น ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอเสลภูมิ

งานเผยแผ่

วิทยาการอบรมวิปัสสนากัมมัฏฐาน ประจำศูนย์ปฏิบัติธรรมวัดป่าซำทอง, วัดป่าหัวคู, วัดป่าคูขาด และวัดป่าบ้านคำแดง
พระธรรมทูตประจำสายที่ ๕ จังหวัดร้อยเอ็ด
วิทยากรอบรมศีลธรรมวัฒนธรรมและจริยธรรมแก่กลุ่มเยาวชน
รองประธานคณะกรรมการหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล อำเภอเสลภูมิ

มรณกาล


     พระมงคลญาณเถร วิ. (มา ญาณวโร) มรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อวันจันทร์ที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒ เวลา ๑๐.๕๙ น. ณ วัดสันติวิเวก สิริอายุรวมได้ ๙๗ ปี พรรษา ๗๗

สมณศักดิ์


พ.ศ. ๒๔๘๑ เป็น พระปลัด ฐานานุกรมใน พระครูวิโรจน์ผดุงศาสน์ เจ้าคณะอำเภอเสลภูมิ วัดกลาง (วัดมิ่งเมือง)
พ.ศ. ๒๕๐๕ เป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นตรี ที่ พระครูสารธรรมนิเทศ
พ.ศ. ๒๕๑๕ เป็น พระครูสัญญาบัตร รองเจ้าคณะอำเภอ ชั้นโท ในราชทินนามเดิม
พ.ศ. ๒๕๓๔ เป็น พระครูสัญญาบัตร รองเจ้าคณะอำเภอ ชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระมงคลญาณเถร [1]

ที่มา


1. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม ๑๒๑, ตอนที่ ๒๕ ข, ๒๔ ธันวาคม ๒๕๔๗, หน้า ๑๔
ทำเนียบอดีตพระราชาคณะภาคอิสาณ
เว็บ-พระ


แจ้งเพิ่มข้อมูล info@sangkhatikan.com

www.sangkhatikan.com สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ที่สนใจ ศึกษาข้อมูล และเป็นที่รวบรวมข้อมูลพระสังฆาธิการทั่วประเทศ
ทางผู้จัดทำขออนุญาติ เจ้าของรูปและข้อมูลทุกท่าน ที่นำมาเผยแพร่

พระสังฆาธิการ : sangkhatikan.com
สำนักงานweb : วัดสำโรงเหนือ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ๑๐๑๓๐
E-mail : info@sangkhatikan.com
Facebook