บุตร: หมื่นชงัดเชิงเวท (กลิ่น เวชกุล) กับ นางปิด เวชกุล มีพี่น้อง ๗ คน ท่านเป็นคนที่ ๖ ได้แก่
     - นางเริ่ม เวชกุล
     - นางเหม ศักดา (เวชกุล)
     - นางหนู เวชกุล
     - นางสาวหีต เวชกุล
     - นายเกลื่อน เวชกุล
     - นายเรียม เวชกุล (พระครูปราการสมานคุณ)
     - นายเรียบ เวชกุล

     และท่านมีพี่น้องต่างมารดา ซึ่งเกิดจาก นางฝ้าย เวชกุล ทั้งหมด ๗ คน ได้แก่
     - นางปอด เวชกุล
     - นางเสม เข็มมะลวน (เวชกุล)
     - นายรัตน์ เวชกุล
     - นายชม เวชกุล
     - นางหรีด เวชกุล
     - นายรอง เวชกุล
     - นางพัน ชูพร้อม (เวชกุล)

     การศึกษาเบื้องต้น: ณ โรงเรียนวัดนิลาราม (กาซีใต้) จนอ่านออกเขียนได้ จึงได้ศึกษา ที่ โรงเรียนบ้านท่าขนอน อำเภอคีรีรัฐนิคม จนจบวิชาสามัญชั้นประถมปีที่ ๓ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๖

     บรรพชา เมื่ออายุ ๑๘ ปี เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ ณ วัดปราการ(ละมุ)

     อุปสมบท เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๒ ณ พัทธสีมาวัดน้ำหัก โดยมี เจ้าพระอธิการเจ๊ก เป็นพระอุปัชฌาย์

• สอบไล่ได้นักธรรมชั้นโท ณ สำนักวัดไตรธรรมาราม (สามหม้าย) ในปี พ.ศ. ๒๔๗๓
• ศึกษาพระบาลี ณ วัดไตรธรรมาราม (สามหม้าย) ๑ ปี
• ศึกษาต่อที่วัดหน้าพระบรมธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช ๒ ปี
• สอบได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค ที่วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร
• เดินทางกลับวัดปราการ (ละมุ) ในปี พ.ศ. ๒๔๘๙

     เมื่อกลับมาจำพรรษา ณ วัดปราการ ได้ ๒ พรรษา ได้ตั้งโรงเรียนมัธยมขึ้น โดยท่านพิจารณาเห็นว่า เด็กในท้องที่อำเภอคีรีรัฐนิคม ตาขุน และพนม ที่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ แล้วไม่มีโอกาสที่จะได้ศึกษาต่อมากนัก เนื่องจากอยู่ในท้องที่กันดาร จึงได้ร่วมมือกับ นายสวัสดิ์ วารีวนิชย์ และ นางอนงค์ วารีวนิชย์ ตั้งโรงเรียนมัธยม ตั้งชื่อโรงเรียนว่า โรงเรียนธรรมวิทยาคม ตั้งอยู่ได้ ๓ ปีเศษ จึงเกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจร ไฟไหม้อาคารเรียนมอดหมดสิ้น จนต้องย้ายไปเรียนกันที่ ศาลาการเปรียญวัดปราการ

     ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อโรงเรียนเป็น โรงเรียนเชิงเวทผดุงวิทย์ กิจการของโรงเรียนรุ่งเรืองมาโดยตลอด จนขยายถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ มีนักเรียนทั้งหมด ๕๐๐ คน ต่อมาท่านได้รับกิจนิมนต์ให้ไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดกลางใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

     ทำให้การดูแลและการดำเนินการได้ไม่เต็มที่ จึงตัดสินใจมอบโรงเรียนพร้อมอุปกรณ์ และสื่อการเรียนการสอนทั้งหมดให้กับนายประชุม ธรรมา โดยไม่คิดมูลค่าแต่อย่างใด แต่ขอให้รักษาโรงเรียนไว้ เพื่อให้เด็กได้ศึกษาเล่าเรียนต่อไป ต่อมานายประชุม ธรรมา ได้ขอเปลี่ยนชื่อโรงเรียนใหม่ ว่า โรงเรียนธรรมานุสรณ์ เพื่อเป็นอนุสรณ์ แก่ นายแปลง ธรรมา ผู้เป็นบิดา -และท่านได้เป็นผู้อนุเคราะห์ให้นักเรียนโรงเรียนบ้านตาขุนวิทยาเข้ามาเรียนในหอฉัน วัดตาขุน เป็นการชั่วคราวในปี พ.ศ. ๒๕๑๙

     ในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ พระธรรมวรนายก เจ้าคณะภาค ๘ และเจ้าอาวาสวัดอุดมธานี จังหวัดนครนายก พร้อมด้วย พระธรรมรัตชโยดม (เกตุ ธมฺมวโร)(ราชทินนามขณะนั้น) เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้นิมนต์ท่านไปจำพรรษา ณ วัดกลางใหม่ เป็นเวลา ๔ ปี และท่านได้เป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดกลางใหม่ ในปี พ.ศ ๔๙๙

     ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ เมื่อ หลวงพ่อจูด เจ้าอาวาสวัดตาขุน มรณภาพลง ท่านได้มาตรวจพื้นที่วัด พบว่า บริเวณวัดมีชุมชนเล็กๆอยู่ จึงปรึกษาท่านพระครูวิรัชพิริยาทร (รัตน์ วิริยนนฺโท) เจ้าคณะตำบลกะเปา ในขณะนั้น จงพร้อมกันเห็นว่าควรไปจำพรรษา ณ วัดตาขุน เป็นการชั่วคราว เพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์วัดให้อยู่ในสภาพเดิม และเป็นที่เคารพแด่ประชาชนในชุมชนบริเวณนั้นด้วย

     ขณะจำพรรษาอยู่ที่วัดตาขุนนั้น ได้ร่วมกันปรึกษากับชาวบ้าน ขอยกฐานะตำบล ไกรสร , เขาพัง , เขาวงศ์ , พะแสง และ พรุไทย รวมกัน ๕ ตำบล ยกขึ้นเป็นกิ่งอำเภอบ้านตาขุน และต่อมาได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็น กิ่งอำเภอบ้านตาขุน และอำเภอบ้านตาขุน ในปัจจุบัน